ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ระบุ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศ หรือช็อปช่วยชาติ โดยให้นำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2561 -16 มกราคม 2562 มาลดหย่อนภาษีได้ตามวงเงินที่ซื้อ แต่ไม่เกิน 15,000 บาท โดยซื้อสินค้าในปีใดให้นำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนในปีภาษีนั้น
สำหรับสินค้าที่นำมาลดหย่อนภาษีได้มี 3 ประเภท คือ 1.สินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือสินค้าโอทอป 2.หนังสือ รวมทั้งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-บุ๊ค และ 3.ยางล้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และจักรยาน
สำหรับสินค้าโอทอปจะต้องเป็นสินค้าที่ได้รับการลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน โดยผู้ซื้อสินค้าสามารถตรวจสอบรายละเอียดผ่านเว็บไซต์กรมฯ และต้องมีหลักฐานการซื้อสินค้าทั้งใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป และต้องระบุว่ามาจากการซื้อสินค้าโอทอปเท่านั้น
ส่วนหนังสือและอี-บุ๊ค จะไม่รวมนิตยสารและหนังสือพิมพ์ โดยต้องซื้อจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป
เช่นเดียวกับยางล้อรถยนต์ ยางล้อจักรยานยนต์ และยางล้อจักรยาน ต้องซื้อยางล้อจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เป็นผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่าย ที่ได้ซื้อยางล้อจากผู้ผลิตที่ซื้อวัตถุดิบจากการยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. โดยผู้ซื้อต้องขอใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป พร้อมกับมีเอกสารหรือหลักฐานของการซื้อวัตถุดิบจาก กยท.ด้วย โดยจะแจกคูปองให้ร้านค้าที่ร่วมโครงการเพื่อยืนยันว่าซื้อยางล้อจากโรงงานที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ
มาตรการช็อปช่วยชาติจะช่วยให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับชุมชน และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ส่วนสินค้าโอทอปจะก่อให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่วนการให้มีการซื้อหนังสือก็ถือว่าช่วยให้เกิดการพัฒนาคุณภาพทุนมนุษย์ผ่านการอ่านหนังสือ ตลอดจนช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการที่ผลิตหนังสือด้วย
ด้านประธานกรรมการหอการค้าไทย กลินท์ สารสิน ระบุ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ประเมินว่ามาตรการช็อปช่วยชาติที่รัฐบาลประกาศใช้เป็นระยะเวลา 1 เดือน จะช่วยชาวสวนยางและผู้ผลิตสินค้าชุมชนให้มีรายได้มากขึ้น และมาตรการดังกล่าวจะสร้างเงินหมุนเวียนในระบบ 10,000-15,000 ล้านบาท ช่วยเพิ่มจีดีพีได้ 0.1-0.2%